Logo
บริษัท เรเมดี้ เฮลแคร์ จำกัด
Remedy Healthcare Co., Ltd

ไซนัสคืออะไรเกิดจากอะไร?

02/10/2558 11:33:14 1,487

โรคไซนัสคืออะไร 

คำว่าไซนัสไม่ใช่ชื่อโรค แต่เป็นชื่อของช่องว่างหรือโพรงอากาศ ของกระดูกใบหน้าบริเวณโหนกแก้มรอบโพรงจมูก, รอบตาและฐานของกระโหลกศีรษะ ถึงแม้ว่าโพรงอากาศนี้จะเป็นที่ว่างเปล่า แต่ภายในโพรงนี้จะบุด้วยเยื่อเมือกบาง ๆ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุโพรงจมูก และเจ้าตัวไซนัสนี้ไม่ใช่ช่องว่างที่ไม่มีประโยชน์ เรายังเชื่อกันว่าโพรงไซนัส มีประโยชน์คือ เป็นตัวทำให้เสียงพูดของคนเรามีความก้องกังวาน ไพเราะมากขึ้น และเป็นตัวช่วยปรับสภาพของอากาศที่หายใจเข้าไป ให้มีสภาพความชื้น, อุณหภูมิ และความบริสุทธิ์ ที่เหมาะสมกับร่างกายของเราและเนื่องจากโพรงไซนัสเป็นช่องว่าง ดังนั้น มันจึงเปรียบเหมือนกับโช๊คอัพช่วยลดแรงกระแทกต่าง ๆ ที่จะเข้าไปทำความกระทบกระเทือนกับสมองส่วนในได้อีกด้วย แต่ในปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์บางท่านไม่เชื่อในความจริงเหล่านี้ กลับให้ความเห็นว่าโพรงไซนัสนี้ไม่มีประโยชน์กับร่างกายของมนุษย์เลย แล้วตัวท่านจะเลือกเชื่ออย่างไรดี

ไซนัสผิดปกติเป็นอย่างไร 

ไซนัสที่ผิดปกติ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เป็นเนื้องอกหรือมะเร็งในโพรงไซนัสซึ่งกลุ่มนี้จะพบได้น้อย ส่วนกลุ่มใหญ่ที่พบได้บ่อยในคนทั่ว ๆ ไป คือ โรคไซนัสอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ในโพรงไซนัส

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า โพรงไซนัส คือช่องว่างที่มีเยื่อเมือกบาง ๆ บุอยู่ ช่องเหล่านี้จะมีรูเปิดเล็ก ๆ เชื่อมต่อกับโพรงจมูก ทำให้อากาศภายนอกสามารถไหลเวียนกันระหว่างโพรงจมูกและโพรงไซนัสได้ เนื่องจากว่ารูเปิดของไซนัสมีขนาดเล็กมาก ถ้ามีอะไรมาทำให้รูเปิดนี้แคบลงหรืออุดตัน เช่นในภาวะที่เป็นหวัด ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาทันที เพราะเมื่อรูเปิดนี้อุดตัน ก็จะทำให้อากาศที่เคยไหลเวียนอยู่เกิดการหยุดนิ่ง อ๊อกซิเจนในอากาศจะถูกดูดซึมไป ทำให้ความดันอากาศในโพรงไซนัสเกิดเป็นลบ มีผลทำให้เยื่อบุไซนัสเกิดการบวม และมีการคั่งของน้ำเมือกในโพรงไซนัล ทำให้เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคหวัด เกิดการเจริญเติบโตขึ้นในโพรงไซนัส ซึ่งก็จะทำให้เกิดการอักเสบ และมีหนองคั่งในโพรงไซนัสขึ้น แต่ภาวะไซนัสอักเสบนี้ไม่ได้เกิดกับคนที่เป็นหวัดทุกคนไป ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าถ้าเป็นหวัดแล้ว จะเกิดความรุนแรงจนถึงขั้นเป็นไซนัสอักเสบตามมาเสมอ

สาเหตุของไซนัสอักเสบที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นอีก คือเกิดจากการอักเสบของรากฟันบนแล้วลุกลามเข้าไปในไซนัส เพราะรากฟันบนจะอยู่ชิดกับฐานของไซนัสบริเวณโหนกแก้ม

 ถ้าเราเป็นหวัดจะมีโอกาสเกิดไซนัสอักเสบบ่อย ไหม 

ในเรื่องนี้ยังไม่มีสถิติที่ชัดเจน สำหรับในประเทศไทย เคยมีผู้รายงานว่า พบโรคไซนัสอักเสบได้ร้อยละ 3-5 ของผู้ป่วยที่มาตรวจที่คลีนิกหู คอ จมูก แต่ไม่ได้ระบุว่าโรคไซนัสอักเสบนี้มีสาเหตุมาจากโรคหวัดหรือไม่ แต่ในรายงานของต่างประเทศพบว่าจะเกิดภาวะไซนัสอักเสบได้ประมาณร้อยละ 0.5 ของการเป็นหวัด นั่นคือ ถ้าเราเป็นหวัด 200 ครั้ง ก็อาจเกิดไซนัสอักเสบได้ 1 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าพบภาวะไซนัสอักเสบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคหืด ถ้าดูตามสถิติแล้วจะพบว่าโอกาสเกิดไซนัสอักเสบจะมีค่อนข้างน้อยแต่ยังมี ปัจจัยด้านอื่นที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดไซนัสอักเสบได้ง่ายขึ้น คือ

โรคภูมิแพ้ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ จะมีอาการคันในจมูก, น้ำมูกไหล, คัดจมูก ทำให้ต้องขยี้จมูกและสั่งน้ำมูกบ่อย จึงทำให้เกิดการอุดตันบริเวณเปิดไซนัสได้ง่าย จึงเกิดไซนัสอักเสบง่ายขึ้น

โรคหวัดเรื้อรัง ในผู้ป่วยที่เป็นหวัดตลอดทั้งปี ก็จะมีอาการคล้ายผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ จึงทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้ง่าย

ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของโพรงจมูก เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด, เป็นริดสีดวงจมูก, เป็นเนื้องอกในจมูก หรือมีสิ่งแปลกปลอมในจมูก ซึ่งพบบ่อยในเด็กเล็ก ในผู้ป่วยเหล่านี้ ก็จะมีการอุดตันของรูเปิดไซนัสได้ง่ายเช่นกัน

ในคนที่ชอบใช้ยาพ่นจมูกโดยมิได้ปรึกษาแพทย์ เพราะยาพ่นจมูกบางตัวจะทำให้เกิดภาวะติดยา และเยื่อจมูกบวมเรื้อรังได้ และยังทำให้ความสามารถในการดมกลิ่นลดลง

การสูบบุหรี่จัด, การว่ายน้ำบ่อย ๆ หรือดำน้ำลึก ๆ และมีฟันด้านบนผุ ก็จะทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้ง่ายขึ้น

การเดินทางโดยเครื่องบินในขณะที่เป็นโรคหวัด เพราะขณะที่เครื่องบินขึ้น-ลง จะมีการเปลี่ยนแปลงความกดดันอากาศอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดภาวะไซนัสอักเสบได้

 จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไซนัสอักเสบ 

โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เป็นไซนัสอักเสบ มักจะมีอาการของโรคหวัด หรือโรคภูมิแพ้นำมาก่อน กล่าวคือ จะมีน้ำมูก, คัดจมูก และอาการไอ อาการตามมาที่บ่งชี้ว่าจะเป็นไซนัสอักเสบจะมีดังนี้ คือ

1. ปวดศีรษะ หลังจากผู้ป่วยมีอาการของโรคหวัดแล้ว จะมีอาการ ปวดบริเวณโพรงอากาศที่อักเสบ เช่น ปวดแก้ม, ปวดบริเวณหัวตาทั้งสองข้าง, ปวดบริเวณหน้าผาก หรืออาการปวดในกระบอกตาทั้งสองข้างอาการปวดเหล่านี้ จะเป็นอาการปวดแบบตื้อ ๆ บางครั้งจะมีอาการ มึนศีรษะร่วมกับอาการปวด และจะมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อผู้ป่วยก้มศีรษะลง 

2. คัดจมูกแน่นจมูก ผู้ป่วยจะเป็นตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะทานยารักษาโรคหวัดแล้วก็ตามอาการนี้จะยังไม่หายไป บางครั้งคัดจมูกมาก จนต้องหายใจทางปาก 

มีน้ำมูกและเสมหะสีเหลืองเขียว ถึงแม้ว่าผู้ป่วยทานยาแก้อักเสบรักษาโรคหวัด อาการน้ำมูกสีเหลืองเขียวก็ยังไม่หายไป บางครั้ง น้ำมูกจะไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว บางครั้งก็จะมีความรู้สึก เหมือนมีน้ำมูกไหลลงคออยู่เรื่อย ๆ และในรายที่เป็นมาก ๆ จะมีกลิ่นเหม็นในจมูกซึ่งสามารถรู้ได้ด้วยตัวเอง 

3. มีไข้ ผู้ป่วยบางรายจะมีไข้สูงจนหนาวสั่น ในขณะที่มีไขสูง ก็จะมีอาการปวดศีรษะและปวดหน้าร่วมด้วย 

4. อาการไอ มีผู้ป่วยบางส่วนมักมีอาการที่กล่าวมาไม่มากนัก แต่จะมีอาการไอเรื้อรังเป็นเวลานาน บางครั้งอาการหวัดหายไปแต่ยังมีอาการไออยู่ และเป็นอาการไอแบบมีเสมหะขันร่วมด้วย 

5. ในผู้ป่วยเด็ก มักมีอาการไม่ชัดเจนเท่าในผู้ใหญ่ แต่อาการที่น่าคิดถึงไซนัสอักเสบในเด็ก คืออาการหวัดเรื้อรัง เป็นเวลานาน ๆ, อาการไออย่างรุนแรง และลมหายใจมีกลิ่นเหม็น นอกจากนี้เด็กที่มีอาการของหูอักเสบเรื้อรังและหอบหืด ก็ควรนึกถึงโรคไซนัสอักเสบร่วมด้วย

 แล้วควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรดี 

ตามที่ได้กล่าวมาในตอนต้น ถึงสาเหตุการเกิดและอาการของไซนัสอักเสบแล้วนั้น ก็พอจะสรุปถึงข้อควรปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดไซนัสอักเสบ หรือเพื่อให้หายจากโรคนี้โดยเร็ว ดังนี้ 

1. เมื่อรู้ตัวว่าเป็นหวัด ควรรีบรักษาให้หายโดยเร็ว 

2. ถ้าเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย ก็ควรรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้, ใช้ยาระงับอาการแพ้อย่างต่อเนื่อง, ใช้วัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้ เป็นต้น 

3. ควรได้รับการตรวจโพรงจมูก โดยแพทย์ทางหู คอ จมูก ปีละครั้ง 

4. ไม่ควรใช้ยาพ่นจมูกโดยมิได้ปรึกษาแพทย์ 

Cr. https://web.ku.ac.th/saranaroo/chap18a.htm

เอกสารที่แนบ