Logo
บริษัท เฟลเวอร์ แอนด์ อะโรเมติก กรุ๊ป จำกัด
FLAVOR & AROMATIC GROUP CO.,LTD.

เครื่องหอมโบราณ หอมแบบไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

07/01/2563 16:20:02 1,527

เครื่องหอมโบราณ หอมแบบไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

     สมัยก่อน บรรดาหญิงไทยทั้งหลายก็ได้ เครื่องหอม นี่แหละ เป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวกายให้หอมฟุ้งจรุงใจ แต่สาว ๆ ยุคปัจจุบันก็สามารถหันกลับมาใช้ได้นะคะ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วแต่ละอย่างทำจากสมุนไพรอะไร ไปดูกันเลย  ก่อนที่น้ำหอมและโคโลญสารพัดแบรนด์จะได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้ ก็มีบรรดา เครื่องหอม โบราณที่ชาวไทยในอดีตได้คิดค้นขึ้นเพื่อปรุงแต่งกลิ่นกาย และใช้สำหรับงานต่าง ๆ ซึ่งเครื่องหอมในยุคก่อนนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีกลิ่นหอมสดชื่นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์จากสมุนไพรที่เป็นส่วนผสม ปลอดภัยไร้สาร เพราะทั้งวัตถุดิบและกระบวนการนั้น ล้วนมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น 

     เครื่องหอมที่นิยมใช้กันในยุคก่อนนั้นมีชนิดไหนและเป็นอย่างไรบ้าง

     1. ดินสอพอง

     คนไทยในยุคนี้คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับดินสอพองมากที่สุด เพราะในช่วงสงกรานต์ของทุกปีจะขาดเจ้าสิ่งนี้ไปไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะนำมาปะหน้าทาตากันในช่วงสงกรานต์แล้ว คนสมัยก่อนก็จะใช้ดินสอพองหรือดินสีขาวที่ถูกขุดขึ้นมา เรียกว่า ดินสุก มาผสมกับน้ำอบเพื่อให้มีกลิ่นหอม และทาตัวดับร้อน แก้ผด ผื่นคัน แต่ดินสอพองตามท้องตลาดในยุคนี้อาจไม่ได้มีการกรองอย่างดีเท่าเมื่อก่อน จึงอาจต้องเลือกให้ดีก่อนนำมาใช้

 

 

     2. แป้งร่ำ

     แป้งร่ำจะมีหน้าตาคล้ายกับดินสอพองที่เราคุ้นเคยกัน เพราะวิธีการทำจะใช้แป้งหินหรือแป้งนวลมาผสมกับน้ำอบหรือน้ำปรุง แล้วจึงนำไปทำการร่ำ ซึ่งเป็นกรรมวิธีการอบแบบโบราณ ด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอม ตามด้วยการใส่น้ำมันชะมดเช็ดเพื่อให้ได้กลิ่นที่ติดทนนาน โดยในยุคก่อนนั้นหญิงไทยก็จะนิยมใช้แป้งร่ำผสมกับน้ำอบมาผัดหน้าและทาตัวให้หอมสดชื่น ส่วนแป้งกระแจะซึ่งเป็นแป้งที่ใช้สำหรับการเจิมในพิธีมงคลต่าง ๆ ของไทย ก็เป็นส่วนผสมระหว่างแป่งร่ำและน้ำอบเช่นกัน



     3. น้ำอบ

     น้ำอบที่ยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะด้วยประโยชน์ที่หลากหลายตั้งแต่อดีด ทั้งนำมาทาตัวให้หอมสดชื่นหลังอาบน้ำ รดน้ำผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ และยังใช้เพื่อผสมกับกับเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ ซึ่งกว่าจะกลายเป็นน้ำอบที่หอมขนาดนี้ ก็ต้องผ่านทั้งการอบร่ำและปรุงเพิ่ม จากไม้หอมต่าง ๆ รวมถึงกำยาน ชะมดเช็ด และพิมเสน ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำเครื่องหอมไทย ซ้ำไปมาหลายขั้นตอนจนมีกลิ่นที่ติดทน



     4. น้ำปรุง

     ปรุงถือเป็นน้ำหอมของไทยที่มีกรรมวิธีอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกดอกไม้แต่ละพันธุ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อนำไปผสมกับน้ำสะอาด และทำการหมักอย่างยาวนานหลายเดือน เพื่อให้ได้น้ำปรุงที่สะอาดบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมติดทนนานเมื่อใช้งาน โดยนอกจากจะทำให้กลิ่นกายหอมแล้ว สรรคุณจากสมุนไพรยังช่วยบำรุงผิวพร้อมทั้งยังสามารถใช้ในการอบผ้าให้หอม และป้องกันแมลงมากัดกินผ้าด้วย



     5. กระแจะจันทร์

     กระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมของไทยมานานตั้งในยุคเริ่มแรกที่ยังไม่มีเครื่องหอมชนิดอื่น ๆ มากนัก ซึ่งในยุคนั้นจะนำแก่นด้านในของไม้จันทร์หอม ที่มีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มาฝนให้เป็นผงละเอียด ก่อนนำมาใช้ทาบำรุงผิวจะต้องผสมกับน้ำอบให้เป็นเนื้อเหลวข้นสีเหลือง เรียกว่า กระแจะจันทร์ และในยุคต่อ ๆ มาก็อาจมีการอบร่ำด้วยกำยานหรือเทียนอบให้มีกลิ่นหอมเพิ่มมากขึ้น

     6. บุหงารำไป 

     บุหงารำไปในแบบดั้งเดิมคือการนำกลีบดอกไม้หอมชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น กระดังงา มะลิ หรือพิกุลมาทำให้แห้งและนำไปอบร่ำด้วยเทียน ตามด้วยการปรุงด้วยน้ำปรุงและพิมเสน จากนั้นนำไปบรรจุในถุงผ้าโปร่งหรือเครื่องจักสานที่มีการประดิษฐ์ให้สวยงาม ดอกไม้ด้านในจะส่งกลิ่นหอมโชยออกมา เหมาะกับการนำไปวางไว้ในหีบหรือตู้เก็บเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากในปัจจุบันที่เป็นการนำดอกไม้แห้งมาผสมกับน้ำหอมและย้อมสีให้สดขึ้น

ที่มา :  www.baanlaesuan.com

     ทั้งนี้ทางบริษัท เฟลเวอร์ แอนด์ อะโรเมติก กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารแต่งกลิ่นและรสชาติในอาหาร ภายใต้การควบคุมด้วยระบบมาตรฐานคุณภาพ ISO22000:2005   มีผลิตภัณฑ์สารแต่งกลิ่นและรสชาติในอาหารที่หลากหลายแนว เหมาะสำหรับสินค้าในหลายๆประเภท เช่น ซอส เครื่องดื่ม  ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่ และไอศกรีม  เป็นต้น

      หากลูกค้าท่านใด มีความประสงค์ที่จะให้ทางบริษัทฯ เราผลิตสารปรุงแต่งอาหาร ทั้งกลิ่นและรสชาติอาหารให้ สามารถติดต่อทางบริษัทฯของเราได้   ทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับทุกท่าน หรืออุตสาหกรรมอาหารต่างๆ ที่สนใจหรือมองหาสารแต่งกลิ่นและรสชาติที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างให้ความโดดเด่นด้านกลิ่นและรสชาติให้กับผลิตภัณฑ์ของท่าน 

เอกสารที่แนบ