Logo
บริษัท แอร์คอนโทรล แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด
Aircontrol & Tecnology Co.,Ltd.
  • 328
  • 275,567

HEPA FILTER

30/03/2563 14:21:19 1,501

ทำความรู้จักกับ HEPA filter ตัวช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ที่บ้าน

มีหลายคนสงสัยว่าแผ่นกรองอากาศ “HEPA Filter” ที่อยู่ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ (เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ) มันคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? และแตกต่างกับแผ่นกรองอากาศแบบทั่วไปอย่างไร ?

ครั้งนี้เราจึงจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ HEPA Filter กันแบบเจาะลึกไปเลย

 

HEPA Filter คืออะไร ?

เริ่มต้นจากคำว่า ‘HEPA’ ก่อนเลย โดยมันถูกย่อมาจากคำว่า High Efficiency Particulate Air ที่หมายถึงประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่สูงกว่าแบบปกตินั่นเอง  

และเมื่อมันมาอยู่ในแผ่นกรองอากาศ (Filter) ก็จะเท่ากับความสามารถในการดักจับฝุ่นที่มากขึ้น และละเอียดขึ้น โดย HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน (เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ซะอีก) ได้อย่างน้อย 99.97 % ด้วยวัสดุที่ทำจากเทคโนโลยีเส้นใยขั้นสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากๆ รวมไปถึงสิ่งสกปรกอื่นๆ เช่น ละอองเกสร ควัน หรือแม้แต่แบคทีเรียและเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ ก็จะถูกดักจับไว้นั่นเอง

      แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนไม่ได้ เพราะคุณสมบัติที่กล่าวนั้นเป็นเพียงเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการใช้คำว่า HEPA เท่านั้น ปัจจุบันก็มี HEPA Filter หลายเกรด ซึ่งบางเกรดก็สามารถกรองสิ่งสกปรกได้เล็กกว่านั้น 



ความแตกต่างของแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter แต่ละเกรด

คุณสามารถสังเกตุได้อย่างง่ายดาย ด้วยการดูที่ตัวเลขที่ตามหลังตัวอักษร “H” โดยยิ่งตัวเลขที่ตามหลังจำนวนสูง คุณสมบัติในการกรองยิ่งสูงขึ้นตาม :

  • HEPA  H14 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.005 %”
  • HEPA  H13 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไป “0.05 %”
  • HEPA  H12 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “0.5 %”
  • HEPA  H11 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านได้สูงสุด “5 %”
  • HEPA  H10 : ในอากาศ 1 ลิตรสิ่งสกปรกขนาด 0.1 ไมครอน มีโอกาสผ่านไปมากกว่า “15 %”

จะเห็นได้ว่ายิ่งเป็นแผ่นกรองที่มีเกรดสูงมากเท่าไหร่ ความละเอียดในการกรองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการปลอดภัยจากอันตรายของฝุ่นจิ๋ว การเลือกแผ่นกรองอากาศ HEPA เกรดสูง (H13-H14) ก็จะถือว่าตอบโจทย์ที่สุด



แล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter มีประโยชน์อย่างไร ?  

ข้อดีหลักๆ ของมันคือ มันเป็นตัวช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ในบริเวณที่มีการใช้งาน ด้วยการลดจำนวนสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้คุณและคนในครอบครัวห่างไกลจากอันตรายและโรคร้ายที่จะตามมาจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือโรคร้ายต่างๆในระบบทางเดินหายใจ (เช่น มะเร็ง)

ปัจจุบัน HEPA Filter ก็ได้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายวงการ โดยนอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแล้ว ก็ยังอยู่ในแวดวงอื่นๆด้วย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องบิน รวมไปถึงวงการแพทย์ ซึ่งล้วนแต่เลือกใช้มันเพื่อแลกกับอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค

แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ทำงานอย่างไร ?

ถ้าให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็ต้องอธิบายให้เห็นภาพใหญ่ก่อน คือเมื่อมีอากาศที่กำลังจะผ่านแผ่นกรองไป เส้นใยทำผสานกันอย่างหนาแน่นก็จำทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงหลายๆ ด่าน เพื่อไม่ให้สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอากาศหลุดรอดไปนั่นเอง

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสิ่งสกปรกที่ปกเปื้อนมากับอากาศด้วย เพราะมันก็จะถูกดับจับในวิธีที่ต่างกัน 4 รูปแบบ

4

1. การชน (Direct Impaction) : เป็นวิธีที่สิ่งสกปรกขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือเชื้อราบางชนิด ลอยมาชนและติดเข้ากับเส้นใยของแผ่นกรองโดยตรง

2. การคัดกรอง (Sieving) : ในกรณีที่สิ่งสกปรกเหล่านั้นไม่ได้มาชนเส้นใยโดยตรง แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใยในแผ่นกรอง ทำให้ช่องว่างระหว่างเส้นต่อเส้นมีน้อย ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ลอยมาชนก็จะไม่สามารถผ่านช่องว่างนั้นไปได้อยู่ดี  

3. การสกัดกั้น (Interception) : กลไกการสกัดกั้นคือ เมื่อฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กเคลื่อนไปตามการไหลเวียนของอากาศที่รวดเร็ว ก็อาจจะทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวอ้อมเส้นใยด่านแรกๆ ไปได้ แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใย และแรงเฉื่อย สุดท้ายสิ่งสกปรกขนาดเล็กเหล่านั้นก็จะติดกับด้านข้างของเส้นใยอย่างในรูปในที่สุด

4. การแพร่ (Diffusion) : ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กมาก (เช่น ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน) มักจะมีเส้นทางการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นทิศไม่เป็นทาง ทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปชนกับและติดกับเส้นใยด้วยตัวเอง

แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter VS แผ่นกรองอากาศแบบทั่วไป

ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter กับแผ่นกรองอากาศแบบทั่วไปกันบ้าง และเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เราจึงทำเป็นรูปแบบตารางแบบด้านล่างนี้

* MERV เป็นชื่อย่อมาจาก Minimum Efficiency Reporting Value คือสิ่งที่เอาไว้ให้คะแนนความสามารถในการกรองอนุภาคของตัวกรองต่างๆ ในอากาศ โดยมีคะแนนตั้งแต่ 1- 16 ซึ่งถูกพัฒนามาโดยสมาคมวิศวกรเครื่องทำความร้อน ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศของอเมริกา ASHRAE (American Society of Heating, Refrigeration and Air Conditioner Engineers )

ประเภทของแผ่นกรองอากาศ

(Type of filter)

MERV (Minimum Efficiency Reporting Value)

ประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อยู่ในอากาศ

อนุภาคของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกในอากาศที่สามารถดักจับได้

HEPA Filter : แผ่นกรองอากาศที่มีเส้นใยบรรจุอย่างหนาแน่น โดยวัสดุส่วนใหญ่ที่ปัจจุบันนิยมใช้กันคือ ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) 13 ~ 16 มากกว่าหรือเท่ากับ 99.97% ประมาณ 0.3 ~ 1 µm (ไมครอน) เช่น น้ำมันที่ระเหย ฝุ่นละอองขนาดเล็ก แบคทีเรีย หรือ ควัน
Pleated Filter : แผ่นกรองแบบจีบที่ค่อนข้างหนา มีวัสดุทำมาจากคอตตอน (Cotton) หรือโพลีเอสเตอร์ (Polyester) 9 ~ 12 90 – 95% ประมาณ 1 ~ 3 µm เช่น เชื้อรา หรือผงแป้ง
Throwaway Filters : แผ่นกรองอากาศแบบใช้แล้วทิ้ง มีวัสดุที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Fiber) 5 ~ 8 35 – 70% ประมาณ 3 ~ 10 µm เช่น สปอร์ หรือ เศษผิวหนังจากสัตว์เลี้ยง
Washable Filters : แผ่นกรองอากาศแบบที่สามารถล้างน้ำได้ มีวัสดุที่ทำมาจากตะแกรงอะลูมิเนียม (Aluminum mesh) หรือที่ทำมาจากยางฟองน้ำ (Foam rubber) 1~4 น้อยกว่า 20 % มากกว่า 10 µm เช่น เส้นผม ไรฝุ่น หรือ เกสรดอกไม้
Electrostatic Filters : แผ่นกรองอากาศที่สร้างจากเส้นใยโปลีโปรพีลีน (Polypropylene Fiber) ที่มีการชาร์ต ประจุไฟฟ้าบวกและประจุไฟฟ้าลบที่เส้นใยตั้งแต่ผลิต 1~4 น้อยกว่า 20 % มากกว่า 10 µm เช่น เส้นผม ไรฝุ่น หรือ เกสรดอกไม้

การดูแลรักษาแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter

โดยปกติแล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4-5 ปี แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณมีการใช้งานมันเป็นประจำทุกวัน ก็ควรหมั่นทำความสะอาด หรืออาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ในการทำความสะอาด เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter มักจะทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fibeglass) ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการซักล้างและใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ เพราะมันอาจจะทำลายเส้นใยของแผ่นกรองได้  แต่คุณสามารถทำความสะอาดได้โดยการใช้แปรงปัดฝุ่นที่อยู่ตามร่อง และเคาะเบาๆให้ฝุ่นหลุดออกมาจากแผ่นกรอง

ทั้งนี้ ถ้าคุณเห็นว่าแผ่นกรองอากาศเริ่มดำจนแทบจะไม่มีพื้นที่ที่เป็นสีขาวแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนทุก 1-2  ปี

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณจำเป็นต้องมี HEPA Filter หรือไม่ ?

ในการตอบคำถามนี้ คุณอาจจะต้องเริ่มหันไปมองรอบตัวของคุณก่อนว่า คุณหรือคนในครอบครัวของคุณมีใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือไม่ เช่น อาจจะมีใครในครอบครัวที่มีโรคประจำตัวเป็น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืด

ถ้ามี แน่นอนว่าคุณก็ควรที่จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ ที่มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เพื่อช่วยให้อากาศภายในบ้านของคุณปลอดภัยกับคนในครอบครัวมากที่สุดนั่นเอง

แต่ถึงคุณหรือคนในครอบครัวจะไม่ได้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ การใช้มันก็จะให้ประโยชน์เมื่อ :

  • คุณเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (ที่มีขน) ไว้ในบ้าน
  • มีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • คุณอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีละอองเกสรดอกไม้เยอะ
  • ในบ้านของคุณเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่กักเก็บฝุ่นและสิ่งสกปรก เช่น พรม

สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า คุณจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ได้กล่าวไปด้านบนเพื่อคุณภาพชีวิตและการเป็นอยู่ที่ดีของคนในบ้านมากน้อยแค่ไหน

เอกสารที่แนบ