Logo
บริษัท ศุภณัฐ เทรด เซอร์วิส จำกัด
Supanut trade service company limited

กรมโรงงาน

23/12/2558 14:27 1,024

 

 15 กค 2558
นายจุลพงษ์ ทวีศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวถึงแผนการศึกษาและจัดหาพื้นที่รองรับกากอุตสาหกรรม 6 แห่งตามคำสั่งของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการกากในแต่ละพื้นอย่างเหมาะสม และลดปัญหาการลักลอบทิ้งกาก ว่าผลการศึกษาร่วมกับระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นหรือ METI ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมษายนปีนี้และจะสิ้นสุดกันยายนปีนี้ เบื้องต้นนั้นพื้นที่รองรับกากจะอยู่ในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
 
โดยกากอุตสาหกรรมอันตราย พบว่าจังหวัดที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งนิคมจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรมี 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ลำพูน ระยอง ปราจีนบุรี ปทุมธานี อยุธยาและจังหวัดอ่างทอง
 
ส่วนกากไม่อันตรายพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งนิคมจัดการกากอุตสาหกรรม คือ จังหวัดลำปางและจังหวัดระยอง
 
ซึ่งในส่วนจะเป็นจังหวัดนั้นจะพิจารณาจากจังหวัดที่มีโรงงานเข้าสู่ระบบกำจัดกากถูกต้องแล้วจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีจำนวนเพียง 5,300 โรง จากทั้งหมด 68,000 โรง อีกทั้งยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเลือกใช้พื้นที่ของเอกชนหรือภาครัฐ แต่ยอมรับว่าเบื้องต้นมีเอกชน 2-3 ราย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ อาทิ จีนและญี่ปุ่นแสดงความจำนงค์ให้ใช้พื้นที่แล้ว ในลักษณะของการพัฒนาพื้นที่เป็นนิคมฯ กำจัดกาก ซึ่งจะลงทุนร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือไม่ก็ได้ แต่หากเลือกใช้พื้นที่ของภาครัฐก็อาจเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป โดยแผนการศึกษาทุกด้านจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
 
สำหรับโรงงานที่ต้องการต่ออายุใบอนุญาต แต่ไม่เคยเข้าสู่กระบวนการกำจัดกากที่ถูกต้อง ทางกระทรวงฯ จะให้เวลาดำเนินการแก้ไข 30-60 วัน โดยเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะอนุมัติว่าการดำเนินการแก้ไขดังกล่าวผ่านมาตรฐานหรือไม่ คาดว่าภายใน 5 ปี โรงงานที่เหลืออีกกว่า 6 หมื่นโรงจะมีการเข้าสู่ระบบกำจัดทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอต่อ นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
 
ด้าน นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีปริมาณกากอุตสาหกรรมอันตรายประมาณ 3 ล้านตัน และกากไม่อันตราย 50 ล้านตัน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปีละ 4.7 แสนตัน และ 8 ล้านตัน ตามลำดับ จากการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
 
 ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เอกสารที่แนบ